Which platform(s)? รีวิวการเลือกแพลตฟอร์มลงทุนคริปโต ตอนที่2 (Binance)

อย่างที่ได้เขียนเล่าไปในตอนที่แล้วว่า ปัจจัยในการเลือกแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตของเรานั้นได้แก่

  • ค่าธรรมเนียมต้องไม่สูงเกินไป เพราะเราเพิ่งเริ่มเรียนรู้ ไม่ได้ลงทุนเยอะ
  • ความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์ม มีผู้ใช้มากน้อยแค่ไหน
  • มีเหรียญคริปโตที่เราสนใจจะลงทุนอยู่ในแพลตฟอร์มนั้นหรือไม่

วันนี้เราอยากจะมาแนะนำอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่เราใช้คือ Binance.com เราเขียนจากประสบการณ์การใช้งานของเราเอง ไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ จากทาง Binance และตอนนี้เราอยู่ในประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร ดังนั้นอาจจะมีความแตกต่างเล็กน้อยจากประเทศไทย หรือประเทศอื่น ๆ

Image result for binance wallpaper
  • Binance.com ก่อตั้งเมื่อปี 2017 สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศมอลตา (ใกล้กับอิตาลี) ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ทั่วโลก เนื่องจากมีเหรียญคริปโตให้เลือกมากกว่า 100 เหรียญ และมีค่าธรรมเนียมซื้อขายต่ำมาก รองรับการซื้อขายด้วยสกุลเงินบาทผ่านบัตรวีซ่าหรือมาสเตอร์การ์ด แต่ยังไม่สามารถโอนเงินบาทเข้าไปยังบัญชี Binance โดยตรงได้ ทั้งนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ต้องรอติดตาม นอกจากนี้ยังรองรับภาษาต่าง ๆ รวมถึงภาษาไทยด้วย เรียกได้ว่าเจาะตลาดทั่วโลกจริง ๆ และสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรสามารถโอนเงินเข้าบัญชี Binance ผ่าน SEPA (Single Euro Payments Area) โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม เช่น โอนเงินไป 10 ยูโร เงินเข้าบัญชี Binance ของเรา 10 ยูโร

แล้วจะสมัครใช้บริการได้อย่างไร

  • (https://www.binance.com/en/register?ref=RRSBPRVO) ถ้าสมัครผ่านลิงก์เราเมื่อทำการซื้อขายคริปโตแล้วจะได้ค่าคอมคนละ 10% คือผู้สมัครผ่านลิงก์เราจะได้ 10% เราเองก็ได้ 10% ด้วย แฟร์ ๆ วิน ๆ
  • กรอกอีเมล์และพาสเวิร์ดที่ต้องการ
  • จากนั้นเราต้องลงทะเบียนยืนยันตัวตน โดยอัปโหลดพาสปอร์ต และเอกสารที่แสดงที่อยู่ปัจจุบัน (บิลค่าไฟ บิลค่าโทรศัพท์ อย่างใดอย่างหนึ่ง) นอกจากนี้ยังต้องถ่ายเซลฟี่คู่กับพาสปอร์ตของเราด้วย บางประเทศอาจะต้องอัปโหลด Bank Statement ด้วย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ทาง Binance ได้มีหลักฐานตัวตนของเราก่อนทำการซื้อขายเพื่อป้องกันการฟอกเงินนั่นเอง เรารอประมาณ 1 วัน ก็ได้เป็น verified account แล้ว
  • ระยะเวลาการตรวจสอบเอกสารและอนุมัติบัญชีขึ้นอยู่กับจำนวนผู้สมัคร ณ ช่วงเวลานั้น ๆ ด้วย บางทีอาจจะช้า หรือเร็วกว่าของเรา
  • ​Binance ให้เหตุผลว่าการที่เรายืนยันตัวตนจะทำให้เราได้รับสิทธิ์ในการถอนเหรียญมูลค่าเทียบเท่ากับ 100 บิทคอยน์ (ซึ่งเอาเข้าจริงเราก็ไม่ได้มีเหรียญมากขนาดนั้น)
  • และการยืนยันตัวตนจะทำให้เราสามารถฝากเงินเข้าบัญชี Binance ได้ แต่ระหว่างรอการยืนยัน เราสามารถทำการซื้อขายผ่านบัตรเดบิตได้ แต่ค่าธรรมเนียมสูง ไม่แนะนำ

เริ่มซื้อเหรียญคริปโต

  • เมื่อบัญชีเราได้รับการอนุมัติแล้ว เราก็สามารถโอนเงินเข้าบัญชีของเราได้ (Bank Transfer SEPA) เช่น เราทดลองฝาก 1 ยูโรก่อน ก็ไม่มีปัญหา รอประมาณ 1 วันทำการ เงินก็เข้าตามจำนวนที่ฝาก ไม่มีค่าธรรมเนียมการฝากเงิน
  • เราทดลองฝากเงินผ่านบัตรเดบิต ซึ่งต้องฝากขั้นต่ำ 15 ยูโร มีค่าธรรมเนียมการฝาก 1.8% เมื่อเทียบกับการฝากโดยโอนเงินผ่านบัญชี (Bank Transfer SEPA) ที่ไม่มีค่าธรรมเนียม ค่าธรรมเนียมฝากเงินผ่านบัตรแพงกว่ามาก ไม่แนะนำ แต่มีข้อดีคือเงินเข้าบัญชี Binance ทันที
  • เช่นเดียวกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ รายได้ของ Binance นั้นมาจากการคิดค่าธรรมเนียมการซื้อขายเหรียญคริปโตนั่นเอง ซึ่งนับว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับ Kraken ที่ได้รีวิวไปในตอนที่แล้ว (https://cryptotyro.blog/2021/02/06/which-platforms-1-kraken)
  • หลังจากเงินที่โอนเข้าบัญชี Binance ของเราแล้ว สามาถใช้ยอดเงินในบัญชีซื้อเหรียญคริปโตได้เลย ซึ่งมีค่าธรรมเนียมในการซื้อขายอยู่ที่ 0.10% และจะถูกลงอีกหากเรามี Trade Volume เยอะ พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าซื้อขายเหรียญคริปโตมาก ๆ ค่าธรรมเนียมก็จะถูกกว่านี้ สามารถดูรายละเอียดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมได้ที่ https://www.binance.com/en/fee/schedule (ภาษาอังกฤษ) หรือ https://www.binance.com/th/fee/schedule (ภาษาไทย)
  • มีอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยประหยัดค่าธรรมเนียม แต่เรายังไม่เคยทดลอง ก็คือซื้อเหรียญของ Binance ซึ่งคือเหรียญ BNB จากนั้นใช้เหรียญ BNB นี้ซื้อเหรียญคริปโตที่เราอยากได้อีกที การเทรดผ่านเหรียญ BNB มีค่าธรรมเนียม 0.075% เท่ากับว่าถูกลงไปอีก
  • การซื้อเหรียญคริปโตโดยตรงแบบหักผ่านบัตรวีซ่าหรือมาสเตอร์การ์ดทันที (Instant Purchase) มีค่าธรรมเนียม 2.07% แพง ไม่แนะนำอีกเช่นกัน
  • สกุลเงินที่สามารถโอนเงินผ่านธนาคารเข้าบัญชี Binance ได้ เช่น AUD, BRL, EUR, GBP, KES, NGN, PEN, UGX, USD, VND
  • หากต้องการซื้อเหรียญคริปโตโดยใช้เงินบาท (THB) ต้องซื้อผ่านบัตรวีซ่าหรือมาสเตอร์การ์ดเท่านั้น ณ ตอนนี้ แต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ต้องติดตามจากเว็บไซต์ของ Binance
  • การซื้อขายเหรียญคริปโต สามารถทำการซื้อขาย ณ ราคาตลาด หรือตั้งลิมิตราคาที่เราพอใจ
โอนเงินผ่านธนาคาร 15 ยูโร เงินจะเข้าบัญชีเรา 15 ยูโร ไม่เสียค่าธรรมเนียม

ฝากเงินผ่านบัตรเดบิต มีค่าธรรมเนียม 1.8% เช่น เราเสียเงิน 15 ยูโร แต่เงินเข้าบัญชี Binance แค่ 14.73 ยูโร

ข้อดีของ Binance สำหรับเรา

  • ค่าธรรมเนียมไม่แพง (ถูกกว่า Kraken ที่เราเคยเขียนรีวิวไปตอนที่แล้ว)
  • มีเหรียญคริปโตให้เลือกเยอะมากกกกกกกกกกกก
  • มีผู้ใช้งานทั่วโลก โดยเฉพาะนักเทรดมืออาชีพ อีกทั้งยังรองรับภาษาและสกุลเงินต่าง ๆ มากมาย
  • สามารถใช้งานผ่านเว็บหรือผ่านแอปมือถือได้ ทำการซื้อขายได้ทุกที่ที่มีอินเตอร์เน็ต
  • แอป Binance บนมือถือค่อนข้างใช้งานได้สมบูรณ์แบบ แทนที่เว็บได้พอสมควร มีให้เลือกปรับไปมา ระหว่างโหมด Binance Lite และ Binance Professional
    • Binance Lite จะมี User Interface ที่เหมาะกับผู้เริ่มต้นซื้อขายคริปโตที่ต้องการซื้อขาย ณ ราคาตลาด
    • Binance Professional จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการตั้งลิมิตราคาซื้อขาย หรือ Stop Loss เป็นต้น
  • เราชอบ Chart บนเว็บ Binance นอกจากจะเห็นราคาเหรียญขึ้นลงแล้ว ยังมีรายละเอียดของ Market Trades, Market Activities เช่น ถ้ามีคนซื้อหรือขายเหรียญคริปโตในปริมาณมาก เราจะเห็นเลยว่าจำนวนกี่เหรียญ เพราะนั่นอาจจะส่งผลต่อราคาตลาดได้
  • มี Binance Earn (คล้ายกับ Stake ของ Kraken) คือเอาคริปโตไปฝาก แล้วเราจะได้คริปโตนั้น ๆ เพิ่มขึ้น คล้ายกับการฝากเงินในธนาคารแล้วได้ดอกเบี้ยเงินฝาก
  • Binance Earn นั้นจะมีทางเลือกในการฝากมากกว่า เช่น มี Flexible Terms กับ Fixed Terms

หน้า Home ของแอปโหมด Binance Professional

แอป Binance โหมด Binance Professional สามารถทำการซื้อขายโดยการตั้งลิมิตราคา หรือ Stop Loss

โหมด Lite ปิดอยู่ หากต้องการเปลี่ยนไปโหมด Lite ก็แค่ปัดปุ่ม Binance Lite ไปทางขวา

โหมด Binance Lite หน้าแรก คือ ราคาตลาด ณ ช่วงเวลานั้นๆ User Interface เหมาะกับผู้เริ่มต้น

Chart บนเว็บไซต์ของ Binance มีรายละเอียด Market Trades และ Market Activities

Binance Earn สามารถฝากคริปโตแล้วได้คริปโตเพิ่ม เหมือนฝากเงินแล้วได้ดอกเบี้ย

ข้อควรพัฒนาของ Binance สำหรับเรา

  • ยังไม่รองรับการโอนเงินเข้าบัญชีโดยใช้สกุลเงินบาท
  • ระบบล่ม ซึ่งเป็นปัญหาของหลายแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่มีผู้ใช้จำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ราคาคริปโตมีความเปลี่ยนแปลงแบบกะทันหัน คนจะซื้อหรือขายพร้อม ๆ กัน
  • หน้าตาของเว็บไซต์ยังไม่เหมาะกับผู้ที่เริ่มต้นศึกษาคริปโตเท่าไหร่ โดยเฉพาะหากเริ่มจากศูนย์จริง ๆ ไม่เคยเล่นหุ้น ไม่เคยดูกราฟแท่งเทียน หรือกราฟใด ๆ มาก่อน Kraken เป็นทางเลือกที่ใช้งานง่ายกว่า

ข้อควรรู้ก่อนการเริ่มใช้ Binance

  • ปี 2019 มีผู้ใช้งานเคยถูกแฮ็กและสูญบิทคอยน์ในบัญชี แต่เท่าที่เราหาข้อมูลภาษาอังกฤษ Binance ชดเชยคืนให้
  • เราเจอข้อมูลภาษาไทยในพันทิป มีผู้ใช้งานชาวไทยใช้แพลตฟอร์ม Binance ถูกแฮ็ก สูญบิทคอยน์มูลค่า 600,000 บาท แต่ไม่ได้รับการชดเชย เท่ากับว่าเงินหายวับไปเลย ลองไปอ่านเพิ่มเติม (https://pantip.com/topic/39430027)
  • การเก็บเหรียญคริปโตไว้ในแพลตฟอร์มซื้อขายไม่ใช่วิธีที่ปลอดภัยที่สุด ถ้าเว็บถูกแฮ็กเหรียญคริปโตเราอาจจะกลายเป็นศูนย์ได้ เท่ากับว่าเหรียญหาย เงินหายนั่นเอง และส่วนใหญ่ทางแพลตฟอร์มจะไม่รับผิดชอบ เพราะเขาจะถือว่าเราเองควรเก็บเหรียญไว้ใน Hardware wallet
  • Hardware wallet มีความปลอดภัยกว่ามาก แต่ถ้าไม่ได้มีเหรียญคริปโตที่มูลค่าเยอะ หรือยังไม่ได้ลงทุนเยอะมาก ยังไม่ต้องซื้อก็ได้
  • ควรตั้งค่าความปลอดภัย Google Authenticator หรือ Microsoft Authenticator บนแพลตฟอร์มซื้อขายไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มใดก็ตาม

ทั้งนี้หากสนใจจะลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพราะการลงทุนมีความเสี่ยง โดยเฉพาะตลาดคริปโตที่มีมีความผันผวนสูง เรารีวิวการใช้งานแพลตฟอร์มจากประสบการณ์ของของเราคนเดียว เราไม่ได้ลงทุนเยอะหรือเป็นนักเทรดอาชีพ ไม่ได้เรียนจบทางด้านการเงิน และไม่สามารถให้คำแนะนำการลงทุนทางการเงินได้ ตอนต่อไปเราจะรีวิว Coinbase แพลตฟอร์มยอดฮิต ว่าทำไมเราสมัครแล้ว ยืนยันตัวตนแล้ว แต่ไม่ใช้ซื้อขายเหรียญคริปโต อ้าว!

ใส่ความเห็น